หน้าหลัก
ITA
LPA
ประกาศจากระบบ e-GP
ประกาศจากระบบ e-GP ในเครือข่าย
องค์การบริหารส่วนตำบล เกาะเทโพ ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ
 
หน้าหลัก
หน้าหลัก
ข้อมูลหน่วยงาน
ข้อมูลหน่วยงาน
บุคลากร
บุคลากร
การบริหารบุคคล
การบริหารบุคคล
ข่าวสาร
ข่าวสาร
แผน
แผน
รายงาน
รายงาน
ระเบียบ
ระเบียบ
บริการประชาชน
บริการประชาชน
 
   
 
 
 
 


 
โรคฝีดาษลิง  
 

โรคฝีดาษลิง หรือ โรคฝีดาษวานร เป็นโรคที่ใกล้เคียงกับอีสุกอีใส และไข้ทรพิษ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า โดยผู้ป่วยจะมีไข้ ร่วมกับ ตุ่มผื่นตุ่มหนองทั่วตัว และ ต่อมน้ำเหลืองโต  โรคนี้ถูกพบครั้งแรกในลิง จึงตั้งชื่อว่า ฝีดาษลิง

ฝีดาษลิงไม่เคยพบในประเทศไทย อย่างไรก็ดีผู้ที่กลับจากอัฟริกา หรือ สัมผัสกับสัตว์ป่าต่างถิ่น หากมีอาการดังกล่าว ก็ควรปรึกษาแพทย์

โรคฝีดาษลิง ถูกค้นพบครั้งแรกในโลก ในปี พ.ศ. 2501 จากลิงที่ป่วย อย่างไรก็ดี พบการติดเชื้อในคนเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2513 ที่ประเทศคองโก โรคฝีดาษลิง นั้นเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ที่พบในอัฟริกากลางและตะวันตก นอกจากลิงแล้ว สัตว์อื่นก็สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ เช่นกัน เช่น กระรอก หนู ลิง ตัวแพรี่ เป็นต้น

ปัจจุบันมีรายงานการเกิดเชื้อไวรัส ฝีดาษลิง 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์อัฟริกากลาง และสายพันธุ์ อัฟริกาตะวันตก ซึ่งสายพันธุ์อัฟริกากลางเป็นสายพันธุ์ที่มีการรายงานติดต่อจากคนสู่คน

ผู้ที่รายงานว่ามีความเสี่ยงว่าติดเชื้อ คือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณป่าในอัฟริกากลางหรือตะวันตก หรือมี การล่าสัตว์เพื่อทำอาหาร หรือ ส่งออกเป็นสัตว์เลี้ยง  และมีรายงานพบการติดเชื้อจากคนสู่คน จากการสัมผัสสารคัดหลั่ง ผิวหนัง หรือ ละอองฝอยจากการหายใจ  อย่างไรก็ดีการติดเชื้อแบบแพร่กระจายเป็นวงกว้างจากคนสู่คนยังเกิดขึ้นน้อย

หลังการได้รับเชื้อ ไวรัสจะอยู่ในต่อมน้ำเหลือง และใช้เวลาฟักตัว 7-21 วัน จึงแสดงอาการ  โดยอาการจะเริ่มจากการมีไข้ และต่อมน้ำเหลืองโต 1-2 วัน จึงมีผื่น ผู้ป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นได้ตั้งแต่มีไข้ โดยผื่นจะเริ่มจากมีแผลในปาก จากนั้นจะเริ่มมีผื่น ขึ้นที่ตัว หน้า ฝ่ามือ และฝ่าเท้า โดยผื่นจะมีขนาด 2-10 มิลลิเมตร ในช่วง 2-4 สัปดาห์ต่อมา ผื่นจะค่อยๆ เปลี่ยนจากผื่นนูนแดง เป็นตุ่มน้ำ แล้วจึงเป็นฝี โดยผื่นจะเปลี่ยนรูปแบบพร้อมๆกัน ทั่วทั้งตัว หลังตุ่มหนองแตกจนแห้งดี ผู้ป่วยก็จะอาการดีขึ้น และหมดระยะในการแพร่กระจายให้ผู้อื่น

ปัจจุบัน ไม่มีการรักษาจำเพาะสำหรับโรคฝีดาษลิง โดยอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้อยู่ที่ 1-10% ซึ่งจัดว่าต่ำกว่าโรคไข้ทรพิษมาก

อย่างไรก็ดีโรคฝีดาษลิง สามารถป้องกันได้โดยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคอยู่ห้องแยก สวมหน้ากากอนามัย และใส่เสื้อคลุมปกปิดผื่นทั้งหมด จนผื่นหายดีและตกสะเก็ด
สำหรับเคสที่มีอาการหนัก มีการให้วัคซีนฝีดาษหรือวัคซีนโรคฝีดาษลิง รวมถึง cidofovir
สำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรค CDC หรือ กรมควบคุมโรคได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนภายใน 4 วันหลังสัมผัสเพื่อป้องกันการติดโรค และฉีดวัคซีนภายใน 14 วัน เพื่อลดความรุนแรงของโรค  

ปัจจุบัน มีการผลิตวัคซีน เฉพาะสำหรับโรคฝีดาษลิง ชื่อว่า วัคซีน Ankara ซึ่งพบว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่าการให้วัคซีนโรคไข้ทรพิษ

ในประเทศไทย ไม่เคยมีรายงานการระบาดของโรคฝีดาษลิงมาก่อน อย่างไรก็ดี ในการระบาดในปี พ.ศ.2565 ครั้งนี้พบผู้ป่วยฝีดาษลิงระบาดจากคนไปยังคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายๆ ประเทศ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ 120 รายใน 11 ประเทศ แต่ยังอยู่ในยุโรปและอเมริกา มีระบาดเป็น cluster รายงานในกลุ่มชายรักชายแต่ยังไม่ทราบความสัมพันธ์แน่ชัด

สุดท้ายนี้ ปัจจุบัน เราค้นพบโรคหลายโรคที่เริ่มจากการระบาดจากสัตว์สู่คน ตามด้วยการระบาดในคน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่กินอาหารป่า ค้าขายสัตว์ป่า  ดังนั้นกิจกรรมดังกล่าวจึงควรถูกจัดการทางกฏหมายอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเป็นการทำลายระบบนิเวศแล้ว ยังสามารถทำให้เกิดโรคอุบัติใหม่ได้

 

ข่าว ณ. วันที่ 25 พ.ค. 2565 เวลา 10.13 น. โดย คุณ กวิสรา จันทร์อินทร์

ผู้เข้าชม 560 ท่าน

 
 
 
 
รับเรื่องราวร้องเรียน/สายด่วน
โทร : 098-749-4941